


พร้อมขับเคลื่อนทุกคุณค่าของชีวิต
ที่สุดแห่งยนตรกรรมที่จะเปลี่ยนชีวิตให้มีความหมายมากขึ้น
ด้วยนวัตกรรม PLUG-IN HYBRID ใหม่ ที่จะเปลี่ยนโลกทัศน์ของการขับขี่ไปสู่อีกระดับ ผสาน 2 ระบบขับเคลื่อนเข้าด้วยกัน ทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ออกแบบมาเพื่อเป็นยานยนต์แห่งยุคสมัย ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ LED PROJECTOR ไฟท้าย LED SPACE LIGHT FIELD ไฟเลี้ยวแบบ SEQUENTIAL และล้ออัลลอยด์ 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ THUNDER WIND BLADE โลดแล่นอย่างเต็มสมรรถนะ พร้อมความล้ำหน้าแห่งเทคโนโลยี ด้วยแรงบันดาลใจภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ที่ผสานทั้ง สมรรถนะ (PERFORMANCE) การควบคุม (HANDLING) การออกแบบ (DESIGN) และความปลอดภัย (SAFETY) ได้อย่างลงตัว เต็มไปด้วย PASSION
แบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษตามมาตรฐานของ MG
เปี่ยมความหมายมากขึ้นกว่าทุกครั้ง








REFINED INTERIOR
& UTILITY
ความหมายใหม่ของการออกแบบ หรูหรา สะดวกสบายตลอดเส้นทาง
ให้ทุกเส้นทางของคุณเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ ด้วยห้องโดยสารงามสง่า ให้ประสบการณ์ขับขี่ที่เหนือใคร ตั้งแต่การตกแต่งภายในด้วยสี 2-TONE MONACO BLUE ใส่ใจในทุกรายละเอียดด้วยวัสดุ SOFT TOUCH จากแรงบันดาลใจของความงามในธรรมชาติ เบาะหนังคู่หน้าแบบ SPORT BUCKET SEAT ภายในห้องโดยสารเงียบ เรียบ หรู มีระดับด้วย NVH LUXURY SILENCE SPACE การเพิ่มฟิล์มกันเสียง และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก ให้ทุกการเดินทางเป็นส่วนตัว ไปจนถึงหลังคาซันรูฟที่เปิดกว้างแบบพาโนรามา บนพื้นที่เกือบ 90% ของพื้นที่หลังคา และเป็นครั้งแรกของยนตรกรรมระดับพรีเมียม ที่ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์ล้ำเหนือระดับกับจอแสดงผลอัจฉริยะ FULL VIRTUAL DASHBOARD ขนาด 12 นิ้ว
ทุกองค์ประกอบจะเปลี่ยนทุกการเดินทางของคุณให้น่าหลงใหลยิ่งกว่าเดิม
REFINED PERFORMANCE & EFFICIENCY
ความหมายใหม่ของพลังขับเคลื่อน และการขับขี่ กับเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าเดิม
สู่อีกขั้นของการขับขี่ด้วยสมรรถนะที่มาพร้อมความคุ้มค่า ด้วยอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดที่ 65 กิโลเมตร / ลิตร* ไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นด้วยอัตราเร่ง 0 – 100 ภายในเวลา 7.5 วินาที ด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ผสานเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน ทำให้มีแรงม้าสูงถึง 284 แรงม้า ที่แรงบิด 480 นิวตัน – เมตร แต่กลับมีค่าไอเสีย หรือคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 36 กรัม / กิโลเมตร เท่านั้น
ทรงพลังแต่ประหยัดพลังงานเพื่อคุณ และเพื่อโลก
*อ้างอิงข้อมูลจาก Eco Sticker
REFINED PERFORMANCE & EFFICIENCY
ความหมายใหม่ของพลังขับเคลื่อน และการขับขี่ กับเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าเดิม
สู่อีกขั้นของการขับขี่ด้วยสมรรถนะที่มาพร้อมความคุ้มค่า ด้วยอัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดที่ 65 กิโลเมตร / ลิตร* ไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นด้วยอัตราเร่ง 0 – 100 ภายในเวลา 7.5 วินาที ด้วยเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ผสานเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน ทำให้มีแรงม้าสูงถึง 284 แรงม้า ที่แรงบิด 480 นิวตัน – เมตร แต่กลับมีค่าไอเสีย หรือคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 36 กรัม / กิโลเมตร เท่านั้น
ทรงพลังแต่ประหยัดพลังงานเพื่อคุณ
และเพื่อโลก
*อ้างอิงข้อมูลจาก Eco Sticker
REFINED SAFETY
ความหมายใหม่ของความมั่นใจ
ปลอดภัยรอบคัน
ที่สุดของเทคโนโลยีความปลอดภัย จาก NEW MG HS PHEV ที่มอบความมั่นใจให้คุณในทุกเส้นทาง อุ่นใจกว่ากับระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ทั้ง 25 ระบบ พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา ความปลอดภัยเหนือระดับที่ทำให้คุณทุกคุณค่าของชีวิตมีความหมายมากขึ้น

ความหมายใหม่ รู้ใจกว่าที่คิด
ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART จาก MG ที่จะเชื่อมต่อทุกคุณค่าของชีวิต
ให้สมาร์ทไม่รู้จบ รองรับการสั่งงานด้วยเสียง จอทัชสกรีน
หรือสั่งงานผ่านแอพพลิเคชัน
ฉลาดกว่า ตรวจสอบสถานะ แบตเตอรี่ผ่าน
i-SMART APPLICATION



คำนวณคุณค่าที่มากกว่าด้วยตัวคุณเอง
ข้อแตกต่างระหว่าง
ระบบ Hybrid ทั่วไป กับ Plug-in Hybrid

ระบบHybridทั่วไป
จะมีขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ขนาดเล็ก จึงยังต้องใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เป็นแหล่งพลังงานหลัก โดยระบบจะชาร์จพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่จากการชะลอความเร็วรถ
เสียค่าน้ำมันมากกว่า
เพราะระบบขับเคลื่อนยังต้องพึ่งพาการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงหลัก
แบตเตอรี่ได้รับพลังงานสะสมจากการชะลอความเร็วรถ
ไม่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จได้
สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
ในระยะทางสั้นๆ เท่านั้น
มอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่
มีขนาดเล็ก
ระบบPlug-in Hybrid
เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นจากระบบ Hybrid ทั่วไป โดยสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ได้โดยตรงผ่านการเสียบปลั๊ก เนื่องจากแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้ามีขนาดใหญ่กว่า จึงวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียวได้ไกลกว่า ประหยัดกว่า อีกทั้งยังการปล่อย CO2 เป็นศูนย์ในขณะการใช้งานด้วยโหมดไฟฟ้า ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
มีสมรรถนะ และอัตราเร่ง
ที่เหนือกว่า
ด้วยการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า
ขนาดใหญ่ และเครื่องยนต์ Turbo
มอบความคุ้มค่า
ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนได้ไกลกว่าไฮบริดปกติ และใช้เครื่องยนต์เล็ก ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง
สามารถชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ได้
และตัวแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่กว่าทำให้วิ่งได้ไกลกว่า
การปล่อย CO2 เป็นศูนย์
ขณะขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า 100%
ข้อแตกต่างระหว่าง
ระบบ Hybrid ทั่วไป กับ
Plug-in Hybrid
ระบบ Hybrid ทั่วไป
จะมีขนาดมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ขนาดเล็ก จึงยังต้องใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เป็นแหล่งพลังงานหลัก โดยระบบจะชาร์จพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่จากการชะลอความเร็วรถ
เสียค่าน้ำมันมากกว่า
เพราะระบบขับเคลื่อนยังต้องพึ่งพาการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงหลัก
แบตเตอรี่ได้รับพลังงานสะสมจากการชะลอความเร็วรถ
ไม่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จได้
สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%
ในระยะทางสั้นๆ เท่านั้น
มอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่
มีขนาดเล็ก
ระบบ Plug-in Hybrid
เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นจากระบบ Hybrid ทั่วไป โดยสามารถชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ได้โดยตรงผ่านการเสียบปลั๊ก เนื่องจากแบตเตอรี่ และมอเตอร์ไฟฟ้ามีขนาดใหญ่กว่า จึงวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าแต่เพียงอย่างเดียวได้ไกลกว่า ประหยัดกว่า อีกทั้งยังการปล่อย CO2 เป็นศูนย์ในขณะการใช้งานด้วยโหมดไฟฟ้า ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า
มีสมรรถนะ และอัตราเร่งที่เหนือกว่า
ด้วยการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ และเครื่องยนต์ Turbo
มอบความคุ้มค่า
ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนได้ไกลกว่าไฮบริดปกติ และใช้เครื่องยนต์เล็ก ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง
สามารถชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ได้
และตัวแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่กว่าทำให้วิ่งได้ไกลกว่า
การปล่อย CO2 เป็นศูนย์
ขณะขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า 100%